วันเสาร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2557

มันสำปะหลังพันธ์ต่างๆ

พันธุ์ระยอง 1            

              ลักษณะเด่นประจำพันธุ์  จะมียอดสีม่วงใบที่เจริญเต็มที่สีเขียวปนม่วง ก้านใบสีเขียวปนม่วงยาวประมาณ 25-30 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นแบบใบหอกปลายมน ลำต้นสีเขียวปนเทา หัวมีลักษณะเรียวยาว ผิวเรียบ เปลือกสีน้ำตาลอ่อน เนื้อในสีขาว ทนทานต่อสภาพภูมิอากาศแปรปรวน เจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่างกัน เหมาะที่จะปลูกต้นฤดูฝน ประมาณเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน หรือปลายฤดูฝน เดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม พันธุ์ระยอง1สามารถต้านทานโรคใบไหม้ได้ในระดับปานกลางอีกด้วย


พันธุ์ระยอง 2

               ลักษณะเด่นประจำพันธุ์  จะมียอดสีเขียวอ่อน ใบแรกที่เจริญเต็มที่จะมีสีเขียวอ่อน ส่วนก้านและใบจะมีสีเขียวอ่อนปนแดง ลำต้นสีน้ำตาลอ่อน หัวเปลือกมีสีน้ำตาลอ่อน เนื้อในจะมีสีเหลืองอ่อน ความสูงของต้นประมาณ 285 ซม. อายุเก็บเกี่ยวถ้านำมารับประทาน 8 เดือนถ้าส่งโรงงานประมาณ 10-12 เดือน พันธุ์ระยอง2 เป็นมันประเภทใช้รับประทาน ไม่เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมทำแป้ง เพราะจะสู้ระยอง 3 ไม่ได้  เนื้อมันสด มีคุณค่าทางอาหารสูง โปรตีน แคโรทีน และวิตามินเอ สูงกว่า พันธุ์ระยอง 1  เหมาะสำหรับทำอาหารรับประทาน เช่น ทำมันทอดได้ดี เพราะหั่นง่าย ทอดแล้วกรอบ ไม่แข็ง รสชาติดี โดยเฉพาะถ้าเก็บเกี่ยวในอายุที่เหมาะสม 8 เดือน จะทำมันทอดได้คุณภาพดี เนื้อหัวสีเหลือง เนื้อเหนียว นอกจากนั้น มีแนวทางว่าจะใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ดี เพราะคุณค่าทางอาหารสูง ถ้าผลผลิตมีเหลือมาก อาจใช้ทำแป้งได้ แต่เปอร์เซ็นต์แป้งอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ควรใช้ทำอาหารสัตว์ จะได้ประโยชน์มากกว่า คุณภาพของหัวในการทำอาหาร จะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมถ้าแห้งแล้ง คุณภาพหัวจะไม่ดี จึงต้องเก็บเกี่ยวในระยะที่ไม่แห้งแล้ง และระยอง2สามารถต้านทานโรคใบไหม้ได้ปานกลาง

พันธุ์ระยอง 3

              ลักษณะเด่นประจำพันธุ์  ใบแรกที่เจริญเต็มที่จะมีสีเขียวอ่อน ก้านและใบจะมีสีเขียวอ่อนปนแดง แผ่นใบแหลมแบบใบหอก ลำต้นสีน้ำตาลอ่อน หัวเปลือกมีสีน้ำตาลอ่อน เนื้อในสีขาว ความสูงของต้นประมาณ 173 ซม. ลักษณะการเกิดของหัวจะรวมกันแน่นเมื่ออายุเก็บเกี่ยวประมาณ 12 เดือน ค่าดรรชนีเก็บเกี่ยว หรือสัดส่วนระหว่างน้ำหนักหัวสดกับน้ำหนักทั้งต้นของพันธุ์ ระยอง 3 สูงกว่าพันธุ์ระยอง 1 หมายความว่ามีหัวมากกว่าส่วนลำต้นและใบ แสดงว่ามีการใช้ธาตุอาหารอย่างมีประสิทธิภาพดีกว่าพันธุ์ระยอง มีกรดไซยานิค ต่ำกว่าพันธุ์ระยอง 1เหมาะกับการใช้ส่วนของลำต้นเพื่อทำประโยชน์ได้ดี มูลค่าผลผลิต เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตแป้งสูงจึงทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการ ขายหัวมันสดเพิ่มมากขึ้น โดยซื้อขายตามราคาเปอร์เซ็นต์แป้ง  เกษตรกรจึงให้ความสำคัญกับเรื่องผลการผลิต จึงเลือกช่วงระยะเวลาในการปลูก ไม่ควรปลูกช่วงฝนตกหนักหรือแล้งจัด เพราะจะมีโอกาสตายมากและผลผลิตต่ำ และพันธุ์ระยอง 3 นี้จะตอบสนองต่อดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ เท่านั้น

พันธุ์ระยอง 5

        ลักษณะเด่นประจำพันธุ์  มันสำปะหลังพันธุ์ ระยอง5 มีความงอกดีและอยู่รอดจนถึงการเก็บเกี่ยวสูง 93 เปอร์เซ็นต์  มีเสถียรภาพในด้านการให้ผลผลิตดี ปรับตัวกับสภาพแวดล้อมได้ดี สามารถปลูกได้ทั้งภาคตะวันออก และภาคตะวันออก เฉียงเหนือที่เป็นแหล่งปลูกมันสำปะหลังของประเทศ แต่กลับเป็นโรคใบไหม้ได้ง่ายกว่าพันธุ์อื่นๆ แต่อาการไม่รุนแรงถึงตาย 

พันธุ์ระยอง 7

                ลักษณะเด่นประจำพันธุ์  ถ้าปลูกในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำและเกิดภาวะแล้งยาวนาน หลังจากได้รับน้ำฝนอีกครั้งจะเกิดการแตกตาตามลำต้นมากกว่าในสภาพปกติ ดังนั้น การนำลำต้นดังกล่าวไปเป็นท่อนพันธุ์ ควรปลูกในขณะที่ดินมีความชื้นสูง จะได้ต้นมันสำปะหลังที่มีเปอร์เซ็นต์การอยู่รอดสูงเหมือนกับใช้ท่อนพันธุ์สภาพปกติ ควรปลูกปลายฤดูฝนจะดีกว่า เนื่องจากให้ความงอกเร็ว เปอร์เซ็นต์การงอก และเปอร์เซ็นต์การอยู่รอดสูงกว่าพันธุ์มาตรฐานที่เกษตรกรนิยมปลูกปริมาณแป้งในหัวสดสูงกว่าพันธุ์มาตรฐาน โดยให้ปริมาณแป้งในหัวสด 27.7 เปอร์เซ็นต์

พันธุ์ระยอง 9

       ลักษณะเด่นประจำพันธุ์  ผลผลิตแป้งและผลผลิตมันแห้งสูง 1.24 และ 2.11 ตันต่อไร่ ตามลำดับให้ผลผลิตเอทานอลสูงทุกอายุเก็บเกี่ยว เมื่อเก็บเกี่ยวอายุ 8 เดือน 12 เดือนและ 18 เดือน ให้เอทานอล 191 208 และ 194 ลิตร จากหัวสด 1 ตัน ตามลำดับทรงต้นดี สูงตรง ได้ต้นพันธุ์ยาวขยายพันธุ์ได้มาก อัตราขยายพันธุ์สูงกว่า 1: 8 เป็นโรคใบพุ่มน้อยกว่าพันธุ์มาตรฐานทุกพันธุ์มันสำปะหลังสายพันธุ์ระยอง 9 ควรปลูกในพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังได้ทั่วไป ศักยภาพในการให้ผลผลิตดีไม่ดีขึ้นกับศักยภาพของพื้นที่และการดูแลรักษา ควรเก็บเกี่ยวเมื่ออายุประมาณ 1 ปี เนื่องจากสายพันธุ์ระยอง 9 มีเปอร์เซ็นต์แป้งสูงแต่สะสมน้ำหนักช้า ถ้าเก็บเกี่ยวเร็วจะให้ผลผลิตหัวสดต่ำกว่าพันธุ์มาตรฐานอื่น ๆ

พันธุ์ระยอง 60

                  ลักษณะเด่นประจำพันธุ์  ใบแรกที่เจริญเติบโตเต็มที่มีสีเขียวปนม่วง ก้านใบสีเขียว ปนม่วง ยาวประมาณ 25-30 ซม. แผ่น ใบมีลักษณะแบบใบหอก  ลำต้นมีสีน้ำตาลอ่อน มีลักษณะเปลือกของหัวส่วนนอก สีน้ำตาลอ่อน เนื้อใน สีขาวครีม ความสูงของต้นประมาณ 275 ซม. สะสมน้ำหนักหัวสดได้เร็วโดยเมื่อเก็บเกี่ยวอายุ 8 เดือน ผลผลิตหัวสด สูงกว่าระยอง 1 ถึง 24.5 % ผลผลิตแป้งสูงกว่าระยอง 1 ถึง 31.3 % ผลผลิตมันเส้น สูงกว่าระยอง 1 ถึง 41.9 % ผลผลิตต่อวันสูงกว่าระยองถึง 24.8 % ค่าดัชนีการเก็บเกี่ยวสูงกว่าระยอง 1 ถึง 21.8 %  ผลผลิตหัวสดเมื่ออายุ 8 เดือน 3,148 กก./ไร่ (มันแห้ง 1,217 กก./ไร่) และผลผลิตหัวสด เมื่ออายุ 12 เดือน 4,224 กก./ไร่ (มันแห้ง 1,404 กก./ไร่) องค์ประกอบทางเคมีของหัวสด : มีปริมาณกรดไซยานิค 3 ส่วนในล้าน ความต้านทานต่อโรคและแมลง  มีความต้านทานต่อโรคใบไหม้ปานกลาง ถ้าเก็บเกี่ยวในฤดูฝน มีเปอร์เซนต์แป้งต่ำกว่า 20% และเนื้อมีสีครีม บางครั้งทำให้โรงงานลดราคาของมันลง

พันธุ์ระยอง 72

                 ลักษณะเด่นประจำพันธุ์  ให้ผลผลิตหัวสดเฉลี่ย 5.09 ตันต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์มาตรฐาน ระยอง 1 ระยอง 5 ระยอง 90 และเกษตรศาสตร์ 50 ร้อยละ 27 18 26 และ 16 ตามลำดับ หัวสดมีเปอร์เซ็นต์แป้ง 21 เปอร์เซ็นต์ให้ผลผลิตแป้งเฉลี่ย 1.07 ตันต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์มาตรฐานระยอง 1 ระยอง 5 ระยอง 90 และเกษตรศาสตร์ 50 ร้อยละ 36 12 16 และ 7 ตามลำดับให้ผลผลิตมันแห้งเฉลี่ย 1.70 ตันต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์มาตรฐาน ระยอง 1 ระยอง 5 ระยอง 90 และเกษตรศาสตร์ 50 ร้อยละ 31 15 22 และ 12 ตามลำดับเป็นพันธุ์ที่ปรับตัวได้ดี ในสภาพแวดล้อมทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยให้ผลผลิตหัวสดสูงถึง 5.55 ตันต่อไร่ ผลผลิตแป้ง 1.23 ตันต่อไร่ และผลผลิตมันแห้ง 1.91 ตันต่อไร่ท่อนพันธุ์ที่ใช้ปลูกมีความงอกดี ไม่มีปัญหาของโรคต้นเน่า จนถึงระยะเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยมีความอยู่รอดถึงการเก็บเกี่ยวสูง 92 เปอร์เซ็นต์ลักษณะลำต้นดี คือ ทรงต้นดี แตกกิ่งเล็กน้อย ในระดับที่สูงจากโคนต้น ประมาณ 1 เมตร ทำให้สามารถขยายท่อนพันธุ์ได้มากขึ้นเมื่อพิจารณาพื้นที่ปลูกมันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นดินทราย พืชบางชนิดไม่สามารถเจริญเติบโตและให้ผลผลิตสูง ประกอบกับเกษตรกรไม่มีเงินลงทุน ดังนั้น มันสำปะหลังพันธุ์ระยอง 72 จึงเป็นพืชที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น ขาดฝนอย่างต่อเนื่องนาน 1-2 เดือน แต่ยังสามารถเจริญเติบโตและให้ผลผลิตได้อย่างเหมาะสม ดังนั้น จึงแนะนำให้เกษตรกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือปลูก ซึ่งจะให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์มันสำปะหลังพันธุ์เดิมที่เคยใช้ปลูกและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรโดยตรง

พันธุ์ระยอง 90

ลักษณะเด่นประจำพันธุ์  ผลผลิตหัวสดสูงกว่าพันธุ์ระยอง 1 ประมาณ 5 % และสูงกว่าพันธุ์ระยอง 3 ถึง 18 % เปอร์เซ็นต์แป้งสูง คือเมื่อเก็บเกี่ยวในฤดูฝนมีแป้ง 24.9% พันธุ์ระยอง 1 มีแป้ง 8.4% พันธุ์ระยอง 3 มีแป้ง 24.2% และพันธุ์ระยอง 60 มีแป้ง 20.2% ให้ผลผลิตแป้งสูงกว่าพันธุ์ระยอง 1 ถึง 43% และพันธุ์ระยอง 3 ถึง 21% และสูงกว่าพันธุ์ระยอง 60 ถึง 17% ให้ผลผลิตมันแห้งสูงกว่าพันธุ์ระยอง 1 ถึง 23% สูงกว่าพันธุ์ระยอง 3 ถึง 20% และสูงกว่าพันธุ์ระยอง 60 ถึง 4% 
ลักษณะทางการเกษตร :
1. ผลผลิตหัวสด 3,810 กิโลกรัมต่อไร่
2. เปอร์เซ็นต์มันแห้ง 36.4 เปอร์เซ็นต์
3. ผลผลิตมันแห้ง 1,400 กิโลกรัมต่อไร่
4. เปอร์เซ็นต์แป้ง 24.9 เปอร์เซ็นต์
5. ผลผลิตแป้ง 966 กิโลกรัมต่อไร่
6. ค่าดรรชนีการเก็บเกี่ยว 0.62
7. ปลูกได้ทั้งภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีดินค่อนข้างดี
 
ข้อควรระวัง :
ไม่เหมาะสมกับแหล่งที่มีแมลงหวี่ขาวแพร่ระบาด
ต้นพันธุ์ไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 2 สัปดาห์ก่อนนำไปปลูก เพราะจะเสื่อม
 

ห้วยบง 60
ลักษณะเด่นประจำพันธุ์ จะมีความสูงประมาณ 180-250 ซม. ยอดสีม่วงอ่อนและไม่มีขนอ่อน ก้านใบเขียวอมม่วง ลำต้นสีเขียวเงิน สีเปลือกหัวน้ำตาล สีเนื้อหัวมีสีขาวลักษณะของพันธุ์ ห้วยบง 60 จะใกล้เคียงกับพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 มาก ที่แตกต่างกันเพียงพันธุ์ ห้วยบง 60 มียอดสีม่วงอ่อน และแตกกิ่งแรกที่ความสูงระดับ 90-140 เซนติเมตร ขณะที่พันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 มียอดสีม่วงเข้ม และแตกกิ่งน้อยกว่า
โดยลักษณะอื่นๆ ของพันธุ์ ห้วยบง 60
เปอร์เซ็นต์ความงอกและความอยู่รอดสูงสามารถต้านทานโรคใบจุดปานกลาง
ให้ผลผลิตหัวสดและหัวแห้งสูงกว่าพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 ประมาณ 8-10 เปอร์เซ็นต์ โดยให้ผลผลิตเฉลี่ย 5.0-6.4 ตัน/ไร่ ปริมาณแป้งในหัวสูงใกล้เคียงกับพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 โดยให้ปริมาณแป้งในหัวเฉลี่ย 25.4 เปอร์เซ็นต์การที่มีผลผลิตและปริมาณแป้งสูงทำให้ได้ผลผลิตแป้งต่อไร่สูงกว่าพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 อยู่ 11 เปอร์เซ็นต์ มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ใช่แป้ง ที่ละลายน้ำได้ (เช่น น้ำตาล) อยู่ต่ำ ซึ่งจะทำให้ได้ปริมาณแป้งต่อหัวมาก เพราะการมีน้ำตาลมากจะทำให้แป้งที่จะสกัดได้จากหัวมันสำปะหลังลดลง
แป้งมีความหนืดสูง สามารถนำไปใช้กับอุสาหกรรมต่อเนื่องได้หลายชนิด

ห้วยบง 80
ลักษณะเด่นประจำพันธุ์ ให้ผลผลิตหัวสดสูงใกล้เคียงกับพันธุ์ห้วยบง  60 โดยให้ผลผลิตเฉลี่ย 4.9-5.5 ตัน/ไร่ ปริมาณแป้งในหัวสดเฉลี่ยสูง  27.3  เปอร์เซ็นต์  สูงกว่าพันธุ์ห้วยบง 60  และพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 เปอร์เซ็นต์ความงอก และความอยู่รอดสูง ลำต้นสูง และมีการแตกกิ่งน้อย สะดวกต่อการเก็บเกี่ยว และเก็บต้นพันธุ์เพื่อใช้ปลูกต่อไป และสามารถนำไปปลูกในระยะปลูกถี่ขึ้น 
ผลผลิตตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมได้ดี เหมาะกับการส่งเสริมในเขตที่มีศักยภาพของผลผลิตสูง หรือเหมาะกับเกษตรกรก้าวหน้ามีแป้ง   มันแห้ง   และไซยาไนด์ในหัวสูงเป็นพันธุ์ที่สำหรับใช้แปรรูปในอุตสาหกรรมแป้ง มันเส้น และเอทานอล แป้งมีความหนืดสูง สามารถนำไปใช้กับอุตสาหกรรมทั่วไป มันสำปะหลังพันธุ์ ห้วยบง 80 เป็นมันสำปะหลังพันธุ์ใหม่ เมื่อได้รับพันธุ์ ห้วยบง 80 นี้แล้ว ควรจะทดลองปลูกเปรียบเทียบกับพันธุ์ดีพันธุ์อื่นที่ใช้อยู่ หากได้รับผลผลิตสูงกว่าและลักษณะอื่นเป็นที่พอใจ จึงขยายปลูกเป็นจำนวนมาก ลักษณะของสายพันธุ์นี้จะแตกกิ่งน้อยและลำต้นค่อนข้างจะตรงมากกว่าพันธุ์ห้วยบง 60 และพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 ทำให้สะดวกต่อการตัดเก็บต้นพันธุ์และสามารถเพิ่มจำนวนต้นปลูกต่อไร่ให้สูงขึ้นได้ 

เกษตรศาสตร์ 50
ลักษณะเด่นประจำพันธุ์  เป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตหัวสด และเปอร์เซนต์แป้งสูง ถึง 23 %ในฤดูฝนและ 28 %ในฤดูแล้ง ต้นพันธุ์เก็บไว้ได้ ประมาณ 30 วันหลังจากตัดต้นจึงเป็นพันธุ์ที่ต้องการของเกษตรกร และโรงงานแปรรูปมันสำปะหลัง สามารถปลูกได้ทั่วประเทศ งอกดี ลำต้นสูงใหญ่ หัวดก และหัวมีลักษณะเป็นกลุ่ม สามารถเก็บเกี่ยวสะดวกโดยใช้แรงงานคนในการขุด   



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น